บาคาร่าเว็บตรง กทม. เคาะ มาตรการป้องกันโควิด ช่วง สงกรานต์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เน้นย้ำผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุก ปรับเงิน หรือทั้งจำทั้งปรับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ได้ออกมาเปิดเผยว่า คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ในการประชุม ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบในการออกมาตรการเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือในช่วงระหว่างวันที่ 10 -15 เม.ย.64
โดย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
ประกอบกับข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมติของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครดังกล่าว จึงประกาศมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนี้
1.การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ โดยกิจกรรมพื้นฐาน อาทิ การจัดพิธีสรงน้ำพระรวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ทางศาสนา การจัดพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ให้ผู้จัดกิจกรรมและประชาชนปฏิบัติตามประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 20) ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเคร่งครัด กรณีมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 300 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน
2.การจัดกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์โดยมีกิจกรรมเพิ่มเติมจากกิจกรรมพื้นฐานตามข้อ 1 เช่น การออกร้าน การจัดเลี้ยง ซึ่งมีผู้ร่วมกิจกรรมเกิน 100 คน ผู้จัดกิจกรรมต้องยื่นแผนการจัดงานและมาตรการควบคุมโรคต่อสำนักงานเขตพื้นที่ก่อนจัดงาน ทั้งนี้ ควรจัดในพื้นที่โล่งแจ้ง อากาศระบายได้ดี หลีกเสี่ยงการจัดกิจกรรมพื้นที่คับแคบหรือในพื้นที่ห้องปรับอากาศ และให้งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากและอาจเกิดภาวะไร้ระเบียบ หรือกิจกรรมที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น การรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ คอนเสิร์ต ประแป้ง ปาร์ตี้โฟม
3.ควรหลีกเลี่ยงการจัดเลี้ยงและสังสรรค์ในกลุ่มที่มาหลากหลายพื้นที่และควรงดการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มร่วมกันเป็นเวลานาน
ซึ่ง ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกาศ ณ วันที่ 23 มี.ค.64
แจงแทน คณบดีวิจิตรฯ มช ดราม่าเก็บงานศิลปะ เผยเย็นนั้นมีขบวนสเด็จ
#ทีมมช – นายอุดม หวานจริงศิลปินอิสระที่มีผลงานได้รับรางวัลและอาจารย์พิเศษสอนศิลปะที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพื่อแจกแจงดราม่า #ทีมมช หรือเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยได้เก็บงานศิลปะที่จัดแสดงหน้าหอศิลป์ไปทิ้ง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า “ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้เพื่อชี้แจงแทน รศ.อัศวิณีย์ หวานจริง ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากสื่อมวลชนหลายชนิด ที่ไม่มีจรรยาบรรณ ใช้ข้อมูลด้านเดียว ไม่ได้กลั่นกรอง นำไปเผยแพร่ จนเกิดความเข้าใจผิดในสังคม และเกิดความเสียหายต่อวงศ์ตระกูลเป็นอย่างมาก
เมื่อวานตอนเย็น รศ.อัศวิณีย์ ได้เข้าไปหอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมในฐานะคณบดีวิจิตรศิลป์ เพื่อดูความพร้อมของสถานที่ เตรียมรับผลงานแสดงวิทยานิพนธ์ของต่างสถาบัน ที่มาขอใช้พื้นที่แสดงงาน แต่กลับไปเจอกับสิ่งของที่ทำขึ้นเพื่อเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองจำนวนหนึ่ง มาวางอยู่ในบริเวณพื้นที่หอนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต เธอได้ให้เจ้าหน้าที่ย้ายออกไปเก็บไว้อีกที่หนึ่ง จึงถูกนักศึกษาที่ไม่ได้เรียนที่คณะวิจิตรศิลป์จำนวนหนึ่ง เข้ามาต่อว่าและนำเรื่องไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่
ทางมหาวิทยาลัยยังโทรมาชื่นชมและให้กำลังใจ ที่ได้ช่วยเหลือมหาวิทยาลัยด้วยการทำตามหน้าที่ของผู้ดูแลสถานที่ เพราะ ช่วงเย็นของเมื่อวาน กำลังจะมีขบวนเสด็จที่เชียงใหม่ เธอจึงต้องทำตามหน้าที่เพื่อความเรียบร้อย ไม่ได้มีเจตนาขัดขวางกิจกรรมการเมือง ถ้าไม่ทำก็อาจจะโดนตำหนิว่าละเลยหน้าที่ หรืออาจเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นในมหาวิทยาลัยก็เป็นได้ แต่ในความเป็นจริงการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องใดๆก็ตาม ควรจะมีแผนการและหลักปฏิบัติที่ชัดเจนในการดำเนินการ ถ้ามีอาจารย์เป็นผู้นำก็ต้องกล้าออกมาลุยกับนักศึกษาด้วยครับ
เพราะสมัยผมเรียนมหาวิทยาลัย เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ อาจารย์ของผมยังเป็นผู้นำนักศึกษา ลุยไปประชิดแนวรั้วของเจ้าหน้าที่เลยครับ ขอเถอะอย่าเอาอนาคตของเด็กและความหวังของพ่อแม่ มาเป็นด่านหน้าเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองอีกเลยครับ ในความเข้าใจอันน้อยนิดของผม ศิลปะควรเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อจรรโลงโลกและสร้างสรรค์สังคม ไม่ว่าจะด้านบวกหรือด้านลบ ศิลปะต้องไม่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม
สำคัญที่สุดศิลปะควรเกิดจากความบริสุทธิ์ใจของผู้สร้าง ที่ตกผลึกในความคิดและจินตนาการ ไม่มีการชี้นำ ไม่ถูกกดดัน เพื่อให้ร้ายใครก็ตาม ที่เค้าไ่ม่มีโอกาศออกมาแก้ต่างเพื่อ ความบริสุทธิ์ของตนเองและวงศ์ตระกูลครับ #เราเลยยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมมาไกลมากแล้ว จำเป็นจะต้องเข้ายุคสู่ยุค “ปฏิวัติจริยธรรมอย่างจริงจังได้แล้วล่ะครับ” บาคาร่าเว็บตรง